การอ่านหนังสือกับลูกนั้น
นอกจากจะเห็นพัฒนาการด้านภาษาที่ยอดเยี่ยม
.
เรายังพบว่าลูกจะเอาตัวละครในนิทาน
มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในชีวิตของตัวเองเสมอ
( เป็นพัฒนาการปกติของเด็กวัย preschool นะคะ
ความคิดเค้าจะแฟนตาซี ไม่ใช่เค้าเพ้อเจ้อ หรือพูดโกหกนะคะ
หน้าที่เราคือ…ต้องรับมุขให้ทัน )
.
วันก่อนพาเด็กน้อยไปหาหมอฟัน
ตะล่อม เพื่อให้เด็กน้อยยินยอม
แน่นอนเอานิทานมาใช้
“น็อนตันไงลูก ไปหาคุณหมอหมี หมอหมีใจดี
ไม่ได้ทำอะไรเจ็บเลย หมอหมีอุ้มน็อนตันด้วย
(เป็นฉากที่เค้าชอบจากเรื่อง ฮัดเช้ย)”
พร้อมทั้งสัญญาว่า แม่จะอยู่ใกล้ๆ
“มีแม่อยู่ด้วยลูกไม่ต้องกลัว ถ้าลูกรู้สึกไม่สบายใจ
เดี๋ยวแม่จะกอดลูกแน่นๆ”
.
แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
เด็กอ้าปากกว้าง ให้ความร่วมมืออย่างดี
.
ออกมาจากห้องตรวจ
“เห็นมั้ยลูก หมอฟันใจดี ไม่ได้ทำอะไรเจ็บเลย
แม่กอดลูกไว้ ลูกก็ไม่กลัวใช่มั้ย
คุณหมอฟันชมว่าลูกของแม่ให้ความร่วมมือดีสุดๆเลย”
“อ๋อ แต่หุ่นยนต์ ไม่มีใครกอดเหรอ เค้าถึงร้องไห้”
“……..” (คิดไม่ทัน หุ่นยนต์ไหน?)
นึกอยู่นาน…จนเด็กผิดสังเกต
เด็กทำหน้าละเหี่ย…พร้อมถอนหายใจ
(นี่ถ้านาง*มองบน*เป็น..คงทำไปแล้ว)
“หุ่นยนต์..เรื่อง รอนานหน่อยนะไง”
.
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นแม่…รับมุขให้ไว เข้าใจลูกให้เร็ว
ไม่งั้นจะเจอฉากนี้
นี่ก็เป็นอีกข้อดีนะคะ
เราจะเป็นที่ 1 ตลอดเวลา เพราะมีแต่เราเท่านั้น
ที่เข้าใจรหัสลับ วันก่อนเด็กที่บ้านชวนอาม่าคุยเรื่อง จระเป็ด (กูจี กูจี)
อาม่า ไม่เข้าใจ…คะแนนนิยมตกเลย 555
.
นอกจากเรื่องเอาตัวละครในนิทานมา link กับชีวิตประจำวัน
จะพบว่า เด็กๆ มีความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก
ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง
ที่หุ่นยนต์ ในเรื่อง รอนานหน่อยนะ น้ำตาไหล
หมอไม่เคยชวนเค้าคุยนะคะว่าเป็นเพราะอะไร
พอเค้าเจอเหตุการณ์เรื่องไปหาหมอ
เค้าคิดได้เองว่า ไปนั่งรอหมอคนเดียว คงกลัว และกังวล
ถึงได้ร้องไห้…มหัศจรรย์มั้ยล่ะคะ!!
.
การอ่านหนังสือนิทานกับลูก
จะช่วยพัฒนา EF ในทุกๆด้านนะคะ
เราไม่ต้องเลือกซื้อหนังสือ ที่มีสติ๊กเกอร์แปะว่า EF
เพราะการอ่านหนังสือนิทานกับลูก เป็นการพัฒนา EF
ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
.
หนังสือภาพชั้นดี
การนำเสนออย่างมีชั้นเชิง
บางครั้งไม่ต้องมีคำบรรยาย เด็กก็รับรู้เรื่องราวในหนังสือ
เวลาหมออ่านหนังสือนิทาน ถ้าตัวละคร
มีสีหน้า แสดงความรู้สึก ชี้ให้เค้าดูว่า
ตัวละครตัวนี้รู้สึกอย่างไร
ดีใจ เสียใจ ตกใจ กลัว ฯลฯ
ด้วยเนื้อเรื่อง ที่มีการบอกที่มาที่ไป
มีเหตุ และส่งผลถึงอารมณ์ของตัวละครในนิทาน
ช่วยให้การอธิบายเรื่องความรู้สึกในเด็ก
ทำได้ง่ายขึ้นมาก
.
เด็กเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกตัวละครในนิทาน
เค้าก็จะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้เช่นกัน
นี่คือรากฐานของ Emotional control (การควบคุมอารมณ์)
ซึ่งจะนำไปสู่ทักษะของ Inhibitory control (การรู้จักยับยั้งชั่งใจ)
คนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ และรู้จักยับยั้งชั่งใจ
รู้ว่าในสถานการณ์ใด ต้องทำสิ่งใด
คือคนที่รู้จักตัวเอง รู้ระดับความสามารถของตัวเองในสถานการณ์นั้นๆ
(Self-monitoring)
คนเช่นนี้แหละค่ะ ที่จะสามารถพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต
.
อ่านซิคะ…รออะไร
.
หมอแพม
ภาพ:นิทานเรื่อง รอนานหน่อยนะ โดย แอนสท์ ยันดล์
กวีชาวเยอรมัน
เป็นนิทาน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น กวี
ใช้ภาพเล่าเรื่องเท่านั้น บทบรรยายน้อยมาก
แต่สอดแทรกอะไรหลายอย่าง ลำดับ กระตุ้นให้เด็กๆสังเกต
ว่าตัวละคร ก่อน และหลัง เข้าห้อง มีอะไรต่างกัน
ในเรื่องไม่บอกว่าในห้อง มีอะไร หรือมีใครอยู่
ชวนให้ลุ้น เหมือนเรากำลังรออะไร ที่เราไม่รู้ ดูลึกลับ
ผู้เขียนภาพเลยเลือกใช้โทนสีเทาดำ
แหล่งข้อมูล FB หมอแพมชวนอ่าน