ผู้เขียนพูดเสมอว่าให้อ่านนิทานก่อนนอน แล้วจะได้รับคำถามเสมอว่าทำไมต้องก่อนนอน
อันที่จริงจะอ่านเวลาอื่นก็ได้แต่การอ่านก่อนนอนเป็น QA คือ Quality Assurance
ว่าพ่อแม่จะมานอนอ่านตรงเวลาแน่นอนทุกคืน
เช่น กำหนดเวลาเอาไว้สองทุ่มตรง พ่อแม่มีพันธะสัญญาที่จะวางมือถือ
อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยแล้วเข้าห้องนอนพร้อมลูก
อ่านนิทานก่อนนอนทุกคืนไปสามปีมีแต่ได้กับได้ คือการประกัน
2.อ่าน 30 นาที
อันที่จริงอยากอ่านมากๆก็ได้แต่เราอยากให้ทำงานนี้ไปอย่างน้อยสามปี
หรือทำไปเรื่อยๆจนกว่าเด็กจะโตขึ้นแล้วไม่ต้องการพ่อแม่อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นอ่าน 30 นาทีหรือกำหนดจำนวนหนังสือนิทานไว้ 3-5 เล่มแล้วแต่ตกลงกัน
นอกจากจะเป็นการสงวนแรงพ่อแม่ให้อ่านนานๆ แล้ว
ยังเป็นการกำหนดวินัยการนอนตรงเวลาให้แก่เด็กๆ ทุกคืนๆ
ซึ่งจะส่งผลให้วินัยส่วนอื่นดีงามตามไปเองอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งนี้ยังไม่นับว่าพ่อแม่จะได้ย่องไปทำงานส่วนตัวหรือจู๋จี๋กันได้อีก
3.อ่านดีๆ
เด็กส่วนมากชอบให้พ่อแม่อ่านดีๆ อ่านไม่ดีมีเคือง
ดังนั้นพ่อแม่ที่ชอบบอกว่าตัวเองไม่มีลูกเล่นในการอ่านจึงมิใช่ข้ออ้าง เพราะเด็กมิได้ต้องการลูกเล่น
เด็กต้องการน้ำเสียงที่ราบเรียบ อ่านถูกต้อง ตามวรรคตอน
และที่สำคัญคือพ่อแม่แสดงความเต็มใจไปจนถึงมีความสุขที่อ่าน
เมื่อเด็กจำนิทานได้แล้วเขากลับจะคอยท้วงติง
เมื่อเราอ่านแบบมีลูกเล่น “อย่าทำเสียงแบบนั้น” “พ่ออ่านผิด”
ไปจนถึง “อ่านดีๆ” อย่างมีน้ำโหเมื่อพบว่าพ่อแม่เริ่มอ่านเปะปะเพราะความง่วงของตัวเอง
4.พ่อแม่ที่มีอยู่จริง
การอ่านนิทานสำหรับผู้เขียนมิใช่เพื่อให้เด็กฉลาด
มิใช่เพื่อให้เด็กอ่านออก
มิใช่เพื่อให้รักการอ่าน
และมิใช่เพื่อให้เด็กได้ความรู้
อะไรเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า
คือเพื่อให้เด็กรับรู้ว่าพ่อแม่มีอยู่จริง
ด้วยเหตุที่พัฒนาการสำคัญของเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ขวบปีแรกนั้นคือพัฒนา “สิ่งที่เรียกว่าแม่”
หรือ “แม่ที่มีอยู่จริง” ขึ้นมาให้ได้ก่อน
เพื่อใช้แม่เป็นเสาหลักของพัฒนาการบุคลิกภาพและ Executive Function(EF) ต่อไป
ไม่ว่าพ่อแม่จะอ้างว่าตนเองมีเวลาในแต่ละวันน้อยเพียงใดก็ตาม
แต่หากเข้าใจและเห็นความสำคัญ
ขอเพียง 30 นาทีต่อวันตรงเวลาทุกๆวัน
เท่านี้ก็ประกันไประดับหนึ่งแล้วว่าแม่นั้นมีอยู่จริง คือ exist
5.สายสัมพันธ์ที่มีอยู่จริง
สายสัมพันธ์หรือ attachment นี้เป็นคำศัพท์เฉพาะ
หมายถึงความเชื่อมต่อระหว่างแม่-ลูกที่แน่นแฟ้นและยืนยงชั่วกาลนาน
อีกทั้งทอดระยะห่างออกไปได้ไกลแสนไกลถึงต่างประเทศที่ต่างทวีป
สายสัมพันธ์เกิดได้เมื่อแม่มีอยู่จริงก่อนแล้วถ่ายเทความรักจากแม่มาที่ตัวเด็ก
เปรียบเสมือนสายรกที่ถ่ายเทสารอาหารและเกลือแร่จากมารดาที่ตั้งครรภ์มาสู่ทารกในครรภ์
สายรกทำหน้าที่ดึงรั้งทารกเช่นใดสายสัมพันธ์ทำหน้าที่ดึงรั้งเด็กๆ ไว้ใกล้ตัวเช่นกัน
แต่สายสัมพันธ์มิได้มองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นสายใยบางๆที่ติดตามเด็กไปทุกที่ ทุกวันและทุกปีจนถึงวัยรุ่น
เราพบว่าวัยรุ่นที่มีสายสัมพันธ์กับแม่ดีกว่า หนาแน่นกว่า แข็งแรงกว่าจะเข้าสู่อบายมุขยากกว่า
หรือหากเผลอเข้าไปแล้วหรือถูกล่อลวงไปแล้วก็มีความสามารถที่จะควบคุมยับยั้งแล้วถอนตัวออกมาง่ายกว่า
ไปจนถึงควบคุมตนเองได้ดีกว่า
6.ตนเองที่มีอยู่จริง
เด็กที่ไม่มีตนเองนั้นทุกข์มาก ด้วยไม่รู้ว่าตนเองเป็นใครกำลังทำอะไรและจะไปไหน
ตนเองคือ self เป็นพัฒนาการที่ต่อเนื่องจากการสร้างแม่ที่มีอยู่จริง
สร้างสายสัมพันธ์แล้วสร้างตนเอง
เปรียบเหมือนมีมารดาผู้ตั้งครรภ์ที่แข็งแรง มีสายรกที่ดี แล้วจึงมีทารกที่แข็งแรง
กระบวนการทางจิตวิทยาเพื่อสร้างตนเองซ้ำรอยการสร้างร่างกายทารกอีกครั้งหนึ่ง
เด็กมีตนเองจึงควบคุมตัวเองได้ ใช้ชีวิตอยู่กับร่องกับรอย มีความมุ่งมั่นและมุมานะ
มีความอดทนต่อความยากลำบากเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
เรื่องยากๆ เช่นนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายๆ คืออ่านนิทานตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายให้เขาฟังทุกคืน
คือการเดินทางอันแสนมหัศจรรย์ผ่านตัวหนังสือจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วไปจนถึงนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
และแม้ว่านิทานเรื่องนี้จะสอนหรือไม่สอนอะไรก็ตาม ที่เด็กได้ไปคือตัวตนที่แข็งแรง
แหล่งข้อมูล V Magazine ฉบับที่ 26 FB นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์