หลักการพื้นฐานคือเริ่มต้นด้วยตัวละครหลัก (protagonists)
ที่เป็นศูนย์กลางของหน้ากระดาษคือเห็นตนเองเป็นศูนย์กลาง (self-centered)
และเมื่อเปรียบเทียบโดยสัมพัทธ์ (relative) กับพื้นที่ด้านซ้ายของภาพจะพบว่าตัวเรา (me)
อยู่ที่ขอบของโลก (world) นี่คือทารกและเด็กเล็กในตอนเริ่มต้น
ตนเองตัวเล็กในขณะที่โลกกว้างใหญ่
ด้วยการสวมรอย (identify) ตัวเอกของหนังสือ
ตัวเอกสองคนหรือเราเดินไปในโลกพบวัตถุอื่นๆ (objects) วัตถุอื่นมีสี (color) และรูปร่าง (shape)
เป็นคุณสมบัติ (properties) พื้นฐานของวัตถุทั่วไป
เด็กสองคนผ่านสีและรูปร่างไปทีละหน้าๆ โดยที่เรามิได้จำเป็นต้องเจตนาชี้ชวนให้ดู
ขอเพียงอ่านไปเรื่อยๆ เขาจะค่อยๆ ดูดซับวัตถุต่างๆ ไปเรื่อยๆ เช่นกัน
รูปร่างของสัตว์อื่น และรูปร่างของโลกแต่ละโลกที่เขาผ่านไปพบเห็น
ดีกว่านั้นคือแต่ละหน้าที่ผ่านไปเด็กสร้างสัมพันธ์กับวัตถุทีละชิ้น
ในที่นี้คือสัตว์ทีละตัว (relation) ด้วยการเกาะกลุ่มกันไปเรื่อยๆ (object relation)
หนังสือยังไม่จบแม้ว่าเราอาจจะรู้สึกได้ว่าโลกกว้างใหญ่และมีรูปร่างมากมาย
การเปลี่ยนสถานที่ (space) หรือตำแหน่ง (placement)
ยังเป็นจุดหักมุมในตอนท้ายซึ่งจะนำเราไปรู้จักสิ่งที่เรียกว่าเวลา (time)
โดยที่มีวัตถุมากมายอยู่ในเวลา
มากไปกว่านั้นคือวัตถุเหล่านั้นยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าคุณสมบัติคงที่แม้จะอยู่ในเวลาหรือเปลี่ยนเวลา
เราเรียกว่าความสามารถในการคงสภาพ (conservation)
อันจะเป็นหมุดหมายสำคัญของพัฒนาการ
หนังสือนิทานสำหรับเด็กเล็กที่ดีเพียงเล่าไป
ตัวรูปภาพที่เห็นจะไปพัฒนาความจำใช้งาน (working memory) สองส่วน
ส่วนแรกคือความจำใช้งานด้านภาพ (visuospatial sketchpad)
ซึ่งเปรียบเสมือนกระดานชนวนที่เขียนไว้ครู่หนึ่งแล้วลบเขียนใหม่ได้
ส่วนที่สองคือความจำใช้งานด้านเสียง (phonological loop)
ซึ่งเปรียบเสมือนวงจรเสียงที่วนซ้ำในตัวเองก่อนที่จะเลือนหายไปอีกเช่นกัน
เพราะความจำใช้งานมิใช่ความจำถาวรแต่เป็นโครงสร้างของการลื่นไหล (fluidity)
ของความจำใช้งานที่เด็กๆจะต้องพร้อมใช้เมื่อต้องใช้
การทำซ้ำของภาพและเสียงเป็นกลไกสำคัญของนิทานประกอบภาพสำหรับเด็ก
เล่มนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง
นิทานประกอบภาพที่ดีควรทำภาษาเดียวจะช่วยพัฒนาการของความจำใช้งานได้ดีกว่า
มีความลื่นไหลและมีความสอดคล้องระหว่างกระดานภาพและวงจรเสียง
แหล่งข้อมูล คำนิยมหนังสือ Lava & Lapis FB นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์