วัย 3-7 ปี เป็นช่วงทองของการปูพื้นฐานทางภาษา
ทำไมแม่หมีถึงเน้นช่วงวัยนี้นัก มาดูกันค่ะ
1. เด็กในช่วงปฐมวัยมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งที่ส่งเสริมให้เรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ การมีแรงจูงใจในตนเองที่จะใช้ภาษาเพื่อสื่อสารกับบุคคลรอบข้าง เด็กจะสนใจถามอยู่ตลอดเวลาว่า “นั่นอะไร” หรือกล่าวย้ำถึงสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกชื่อว่าคืออะไร เช่น “ไขควงหรอ ไขควงคืออะไร” นอกจากนี้เด็กในช่วงปฐมวัยจะมีการถามเกี่ยวกับลักษณะและคุณสมบัติ เช่น สิ่งนี้แตกต่างจากอีกสิ่งหนึ่งอย่างไร คำถามประเภทนี้มาจากแรงขับเคลื่อนที่แฝงอยู่ภายในเด็ก เพื่อที่จะสร้างความหมายของสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ที่จะนำไปสู่การสร้างความหมายให้ตนเองในที่สุด ด้วยเหตุนี้การตอบสนองของสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งความสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดการสร้างความหมาย และเรียนรู้ภาษาแม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. วัยนี้เป็นช่วงที่เด็กมีสมรรถภาพทางกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสดีมากขึ้น เด็กเริ่มที่จะเคลื่อนไหว ต้องการสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้ได้พบเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ยิ่งสำรวจ ยิ่งสังเกต ยิ่งมีคำถามที่ต้องการคำตอบ โดยเฉพาะการระบุชื่อ และการทำความเข้าใจที่มา ซึ่งต้องอาศัยภาษาในการอธิบายทั้งสิ้น
3. เป็นวัยที่เด็กเริ่มคิดเป็น มีการเชื่อมโยงสิ่งที่เคยเจอเข้ากับสิ่งที่เพิ่งพบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ระบบความจำและสมาธิดีขึ้นสามารถจดจ่อทำอะไรได้นานขึ้นอย่างทีลำดับขั้นตอน และเป็นวัยที่มีจินตนาการสูง มีความคิดแบบที่ยึดเอาตนเองเป็นหลัก และคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มีชีวิตมีความรู้สึก เช่นกัน ความคิดและจินตนาการก็ต้องการภาษาในการระบุและสื่อสารทั้งสิ้น
4. เด็กในวัยนี้มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่อีกขั้นของการเรียนรู้ นั่นก็คือการเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจเรื่องนามธรรมที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด การสื่อสารด้วยสัญลักษณ์ รวมถึงกระบวนการทางปัญญาขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับการคิดเชิงวิพากษ์ วิเคราะห์ สังเคราะห์ เชื่อมโยง อนุมาน และการตระหนักรู้ถึงกระบวนการที่เกิดขึ้นภายใน เช่นเดิม เด็กต้องใช้ภาษาอย่างมากในการทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้
#…รอจบ ป.1 ก็สายเสียแล้ว
งานวิจัยในปัจจุบันชี้ชัดว่าช่วงปฐมวัยเป็นช่วงที่มีความสำคัญในการพัฒนาทักษะภาษาแรกเริ่ม เพราะถือเป็นช่วงของการสั่งสมพื้นฐานทั้งหมดของการเรียนรู้ภาษาที่ดี หากรากฐานมั่นคง การเรียนรู้ต่อยอดไปสู่ทักษะและความรู้ที่ซับซ้อน/หลากหลายย่อมทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากรากฐานไม่มั่นคง การใส่ทักษะและความรู้ที่ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น จะส่งผลให้เกิดปัญหาทางการเรียนรู้ตามมาได้
ทั้งยังพบว่าทักษะบางประเภทที่พัฒนาตั้งแต่ในช่วง 3-7 ปี เป็นตัวทำนายทักษะทางภาษาที่เด็กจะมีในช่วงวัยรุ่นที่มีความแม่นยำสูง และการซ่อมเสริมเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการทางภาษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการซ่อมเสริมในช่วงปฐมวัย
Early Childhood Longitudinal Study, Kindergarten Cohort (ECLS-K) งานวิจัยระยะยาวที่วัดทักษะทางการอ่านของกลุ่มตัวอย่างจากทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 25,000 คน โดยเริ่มจากปี 1998 ที่เด็กทุกคนเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล และวัดทักษะของพวกเขาอีก 6 ครั้งตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อจากนั้น โดยการวัดครั้งสุดท้ายคือเมื่อเด็กอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในปี 2007 โดยวัดความความสามารถทั้ง 10 ด้าน ของเด็กแต่ละคนในแต่ละช่วงเวลา
ผลการวิจัยพบว่า เด็กส่วนใหญ่เรียนรู้ทักษะการอ่านคำภายใน 2 ปีแรกของการเข้าโรงเรียน และภายในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เด็กเกือบทุกคนอ่านออก (ในความหมายของการอ่านออกเสียงคำได้ถูกต้อง) และพัฒนาการด้านการอ่านจะเกิดขึ้นในอัตราที่ช้าลงหลังจากชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ไปแล้ว (Reardon, Valentino and Shores, 2012)
แม่หมีจึงเน้นย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าช่วง 3-7 ปี สำคัญมาก อย่าปล่อยผ่านเลยไป
อ่านให้ฟัง ชวนกันพูดคุย เพื่อวางรากฐานภาษาที่แข็งแรงให้เขากันเถอะค่ะ
แหล่งข้อมูล FB อ่าน อาน อ๊าน