ตลาดหนังสือนิทานประกอบภาพของนักเขียนนักวาดไทยเป็นเรื่องเล่าเพื่อสร้างเสริมพฤติกรรมและสุขลักษณะเสียมาก
มิใช่นิทานในแบบที่เราเข้าใจคือมีตัวเอก – protagonist และความขัดแย้ง – conflicts
เห็นฝีมือการวาดและการเขียนคำแล้วก็ออกจะเสียดายฝีมือและเอาใจช่วย
เรียนตามตรงว่าถ้าได้เขียนนิทานจริงๆกันน่าจะสนุกไม่น้อยหน้านิทานจาก ตปท เลย
แต่ได้ยินเสมอว่า ผปค บ้านเราขอนิทานสั่งสอนทำนองนี้ สนพ จำเป็นต้องทำ
วันนี้ขอใช้นิทานสั่งสอน 4 เรื่องชี้ให้เห็นไวยากรณ์ที่สำคัญ
เลือกจากฝีมือวาดสวยๆ เป็นหลัก และเนื้อเรื่องที่อ้อมค้อม
กลไกคือเด็กควรรู้ว่านิทานกำลังเล่าเรื่องของตัวเอง
มีนิทานสั่งสอนพฤติกรรมเป็นร้อยๆในตลาดหนังสือไทย ในจำนวนนี้จะมีบางเล่มได้ผล และบางเล่มไม่ได้ผล
คำอธิบายหนึ่ง “เด็กต้องเห็นตัวเองในหนังสือ”
ทีโวกับทีวี่ไม่เก็บของเล่นจึงหาของไม่เจอ เด็กๆที่อ่านหรือ “แม่รู้ดีเสมอ” อ่านให้ฟังจะต้องรู้ว่าหนังสือกำลังพูดเรื่องตัวเอง
ดีกว่านั้นคือเห็นตัวเองในหนังสือ เราเรียกว่า metacognition
หรือ “ขอเป็นคนสั่งบ้างได้ไหม” เด็กๆที่อ่านน่าจะสวมรอยตัวเอกได้ง่าย
เพราะเด็กทุกคนเห็นตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลอยู่แล้ว
สั่งหมาสั่งหุ่น ต้องสั่งได้สิ! อย่าดื้อ! เหมือนตัวเอง
ปัญหาคือนี่เป็นความสามารถระดับสูง มิใช่เด็กทุกคนจะมีได้
หลายครั้งเนื้อเรื่องที่อ่านจึงเป็นของคนอื่น ตัวเองไม่เกี่ยว
นิทานทำงานได้เมื่อเด็กเติมตนเองลงไประหว่างหน้า กล่าวคือไม่เพียงจะสวมรอยตัวเอกหน้าต่อหน้า
แต่ “มีอยู่จริงระหว่างหน้า” ด้วย ดังนั้นมีอยู่จริงตลอดทั้งเล่ม
ปัญหาคือนิทานแนวสั่งสอนมักจะเติมตัวเองลงไประหว่างหน้าได้ยาก
เหตุเพราะเนื้อเรื่องมักชัดเจนเสียจนไม่เหลืออะไรให้เติมได้อีก
นิทานแนวสั่งสอนจำเป็นต้องสนุกและเหลือช่องว่างระหว่างหน้าให้เด็กๆเติมตนเองลงไปบ้าง
เช่น อองตองเล่นสมมติใน “ของเล่นของอองตอง” อันนี้รูปใหญ่ตระการตาเติมง่ายหน่อย
เพราะสมมติทั้งเรื่องอยู่แล้ว หรือ ตู้กับแมวออกตามหาลูกบิดเปิดตู้ ใน “คุณตู้กับชิ้นส่วนที่หายไป”
อันนี้ก็มีช่องว่างให้เติมมาก ตั้งใจบังปกให้หายไปเลยเป็นตัวอย่าง
พูดง่ายๆว่ามีจินตนาการเหลือให้เติมบ้าง หรือมีของหายให้ค้นหากันบ้าง
(Clémentine Beauvais ,University of York, UK)
ลองดูนะครับ วันนี้เขียนเรื่องยากๆสำหรับนักสร้างนิทานประกอบภาพไทยทุกๆคน
แหล่งข้อมูล FB นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์